กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 9
51

Digitimes รายงานว่า Apple ได้ทำการลดการสั่งผลิตหน้าจอ iPad 2 ในไตรมาสที่ 4 นี้ คาดว่าคงเพราะเตรียมวางแผนที่จะหันไปผลิต iPad 3 ที่จะออกในต้นปีถึงกลางปีหน้าแทน ทำให้มีผลต่อผู้ผลิตทั้ง Samsung Electronics, LG Display และ Chimei Innolux (CMI)

โดย LG Display ลดการผลิตหน้าจอจาก 3 ล้านชิ้นในกันยายน มาเป็น 2.5 ล้านชิ้นในตุลาคม ส่วน Samsung ยังผลิตที่ 2 ล้านชิ้นในตุลาคม และ CMI ลดกำลังการผลิตจาก 7 แสนชิ้น มาเป็น 350,000 ชิ้นแทน

Apple มียอดขาย iPad มากถึง 11.12 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ แต่อย่างไรก็ตามยังมีชิ้นส่วนเหลือพอที่จะผลิต iPad 2 ได้อีกประมาณ 15 – 16 ล้านเครื่องในไตรมาสนี้ ในขณะที่ Apple ได้ลดกำลังการผลิต iPad 2 อยู่นี้ Samsung และ Sharp ก็ได้เริ่มโควต้าผลิตหน้าจอสำหรับ iPad 3 แล้วในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่วน TPK Holding และ Wintek ของไต้หวันจะเริ่มผลิตแผงหน้าจอสัมผัสได้ในพฤศจิกายนหรือธันวาคมนี้

คาดว่าอีกไม่นานเราคงได้เห็น iPad 3 กันซึ่งหน้าจอก็อาจจะออกมาเป็น Retina Display อย่างที่หลายๆ คนคาดไว้ แต่คนที่ปวดหัวก็น่าจะเป็นเหล่าบรรดานักพัฒนาที่จะต้องมาวุ่นวายกับหน้าจอความละเอียดที่มากกว่าเดิมถึง 4 เท่า แต่มันก็เป็นเรื่องปกติของนักพัฒนาแหละครับที่จะต้องปรับตัวให้ทันกับโลกที่หมุนแบบเรียกได้ว่าเร็วไม่รอใคร ยังไงซะเราก็คงต้องคอยดูกันต่อไปว่าบริษัทที่ชื่อ Apple จะทำอะไรออกมาให้คนทั้งโลกได้ฮือฮากันอีกครับ

52

ห่างหายไปนานเลยครับช่วงนี้ ประมาณ 5 เดือนเห็นจะได้ เนื่องจากยุ่งๆ พอควรครับ ไม่พูดพร่ำทำเพลงเริ่มเลยละกัน มีรายงานจาก 9to5mac ว่าลูกค้าในสหรัฐอเมริกาเริ่มออกมาโวยวายกันแล้วเรื่องการรับสัญญาณ Wi-Fi บน iPad รุ่นใหม่ ซึ่งเอกสารภายใน Apple Care ก็ได้ชี้แจงว่าให้ลูกค้าสามารถนำเครื่องมาตรวจสอบและเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ โดยเงื่อนไขนี้มีผลกับตัว Wi-Fi เท่านั้นนะครับ อาการคร่าวๆ ของ iPad ตัวใหม่ก็มีดังนี้นะครับ

•เชื่อมต่อสัญญาณได้แบบติดๆ ขัดๆ
•เชื่อมต่อสัญญารได้ช้า
•ค้นหาสัญญาณ Wi-Fi ไม่เจอ
นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาอื่นๆ อีกประปราย อย่างเช่น ชาร์จแบตไม่เต็ม, เครื่องร้อน ซึ่ง iPad รุ่นก่อนๆ ก็ไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องชาร์จแบตไม่เต็มหรือเครื่องร้อนเท่าไหร่และแน่นอนว่าถ้าเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นลูกค้าส่วนใหญ่ต้องไม่พอใจแน่ๆ คงต้องรอดูต่อไปล่ะครับจะแนวโน้มจะเป็นยังไงต่อไป

ส่วนตัวผมเองก็รอซื้ออยู่เหมือนกัน แต่คงยังไม่ซื้อช่วงนี้ เพราะไม่มีตังค์ (ฮ่าๆ) บวกกับรอล็อตหลังจากนี้ดีกว่า เผื่อว่าจะมีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้มันดีขึ้น จะได้ไม่ต้องมานั่งหงุดหงิดตอนใช้งาน

53

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Apple ได้สั่งฟ้อง Amazon.com ในวันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมาในศาลรัฐบาลกลางทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย เรื่องการใช้คำว่า “Appstore” ในชื่อบริการ “Android Appstore”

โดย Apple นั้นได้ให้เหตุผลต่อศาลว่า คำว่า “App Store” ได้ถูกใช้ในบริการสำหรับดาวน์โหลดซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเช่น iPhone, iPod หรือ iPad ของ Apple มานานแล้ว ซึ่งมียอดดาวน์โหลดกว่า 10,000 ล้านดาวน์โหลดแล้วนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา ซึ่งเป้าหมายการฟ้องร้องครั้งนี้ของ Apple ก็เพื่อไม่ให้ Amazon.com นำชื่อนี้ไปใช้ในบริการที่คล้ายคลึงกัน จะเป็นการสร้างความสับคนให้กับผู้ใช้ได้

เรื่องนี้ยังไม่สิ้นสุดครับคงต้องรอผลสรุปการฟ้องร้องจากศาลกันต่อไปล่ะครับ .. งานนี้ไม่รู้ว่า Amazon จะต้องจ่ายค่าเสียหายใหักับ Apple กันสักเท่าไหร่ 
54
ข่าวบริษัท Apple / Apple ทำ Hybrid Display ได้แล้ว?
« กระทู้ล่าสุด โดย กฤษฎา คงช่วย (ป๋อง) 089-2902383 เมื่อ กรกฎาคม 26, 2012, 10:15:55 pm »

หลายๆ คนที่เคยใช้ Amazon Kindle จะรู้ว่าการอ่านหนังสือบนจอ eInk นั้นสบายตาสุด แถมยังสามารถอ่านในที่กลางแจ้งได้อย่างที่เรียกว่าจอ LCD หมดสิทธิเทียบชั้น ผมยังเคยคิดว่าอยากมีเก็บไว้อ่าน eBook ซักตัว แต่เมื่อช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2009 ที่ผ่านมา Apple ได้จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับจอแสดงผลแบบ Hybrid Display  ซึ่งเป็นจอแสดงผลของ iPhone ที่สามารถสลับการทำงานไปมาระหว่าง ePaper กับจอ LCD ปกติได้ โดยผู้ใช้นั้นสามารถที่จะเลือกสลับโหมดของหน้าจอขณะใช้งานได้ด้วยตัวเอง ในขณะเดียวกันตัว iPhone เองก็ยังมีความสามารถที่จะรับรู้สิ่งที่ถูกแสดงอยู่บนหน้าจอและเลือกโหมดของจอแสดงผลให้กับผู้ใช้ได้ แต่ที่เจ๋งกว่านั้นอีกคือ หน้าจอ iPhone นั้นถูกแบ่งเป็น 4 ส่วนที่สามารถเลือกการแสดงผลในโหมดที่แตกต่างกันได้อีกด้วย (แหม่!! สวดยวดจริงๆ)

ซึ่งถ้าดูจากช่วงเวลาแล้ว Apple ได้จดสิทธิบัตรเจ้า Hybrid Display นี้ก่อนที่ iPad จะออกเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น เป็นไปได้อย่างสูงเลยว่า Apple มีแผนที่จะเอาจอ Hybrid Display นี้มาอยู่ใน iPad และถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมว่า Amazon Kindle คงหนาวๆ ร้อนๆ กันล่ะครับทีนี้

55

Wall Street Journal รายงานว่า Apple เตรียมจะเปิดตัว iPad 3 ต้นปีหน้า (2012) แน่นอนแถมยังมาพร้อมกันจอ Retina ความละเอียด 2048×1536 อย่างที่เคยเป็นข่าวลือกันมาช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งมาขนาดเป็น 4 เท่าของความละเอียดขอหน้าจอ iPad 2 เลยทีเดียว

ทางผู้ผลิตได้เปิดเผยว่า Apple ได้ทำการสั่งซื้ออุปกรณ์หน้าจอขนาด 9.7 นิ้ว และได้ทำการส่งชิ้นส่วนตัวอย่างไปให้กับ Apple เพื่อทำการทดสอบแล้ว แถม Apple ยังมีแผนที่จะเปิดตัว iPad 3 ในช่วงต้นปีหน้านี้อีกด้วย

สรุป iPad 3 ที่มาพร้อมกัน Retina Display ต้นปีหน้าได้เห็นกันแน่นอน ใครที่ใจร้อนจะซื้อ iPad 2 ก่อนก็คงไม่เสียหายอะไร ส่วน iPhone 5 คาดว่าในอเมริกาคงจะได้ใช้กันเดือนตุลาคม สำหรับในเมืองไทยอย่าเร็วก็ปลายปีนี้อย่างช้าก็คงต้นปีหน้าถึงจะได้ใช้กันล่ะครับ

56

Digitimes รายงานว่า Apple ได้ทำการลดการสั่งผลิตหน้าจอ iPad 2 ในไตรมาสที่ 4 นี้ คาดว่าคงเพราะเตรียมวางแผนที่จะหันไปผลิต iPad 3 ที่จะออกในต้นปีถึงกลางปีหน้าแทน ทำให้มีผลต่อผู้ผลิตทั้ง Samsung Electronics, LG Display และ Chimei Innolux (CMI)

โดย LG Display ลดการผลิตหน้าจอจาก 3 ล้านชิ้นในกันยายน มาเป็น 2.5 ล้านชิ้นในตุลาคม ส่วน Samsung ยังผลิตที่ 2 ล้านชิ้นในตุลาคม และ CMI ลดกำลังการผลิตจาก 7 แสนชิ้น มาเป็น 350,000 ชิ้นแทน

Apple มียอดขาย iPad มากถึง 11.12 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ แต่อย่างไรก็ตามยังมีชิ้นส่วนเหลือพอที่จะผลิต iPad 2 ได้อีกประมาณ 15 – 16 ล้านเครื่องในไตรมาสนี้ ในขณะที่ Apple ได้ลดกำลังการผลิต iPad 2 อยู่นี้ Samsung และ Sharp ก็ได้เริ่มโควต้าผลิตหน้าจอสำหรับ iPad 3 แล้วในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่วน TPK Holding และ Wintek ของไต้หวันจะเริ่มผลิตแผงหน้าจอสัมผัสได้ในพฤศจิกายนหรือธันวาคมนี้

คาดว่าอีกไม่นานเราคงได้เห็น iPad 3 กันซึ่งหน้าจอก็อาจจะออกมาเป็น Retina Display อย่างที่หลายๆ คนคาดไว้ แต่คนที่ปวดหัวก็น่าจะเป็นเหล่าบรรดานักพัฒนาที่จะต้องมาวุ่นวายกับหน้าจอความละเอียดที่มากกว่าเดิมถึง 4 เท่า แต่มันก็เป็นเรื่องปกติของนักพัฒนาแหละครับที่จะต้องปรับตัวให้ทันกับโลกที่หมุนแบบเรียกได้ว่าเร็วไม่รอใคร ยังไงซะเราก็คงต้องคอยดูกันต่อไปว่าบริษัทที่ชื่อ Apple จะทำอะไรออกมาให้คนทั้งโลกได้ฮือฮากันอีกครับ
57

ไม่รู้ว่าข่าวนี้จริงชัวร์หรือมั่วนิ่ม เมื่อเว็บ siampod ในบ้านเราออกมายืนยันแล้ว iPad รุ่นใหม่ ที่หลายๆ คนอาจจะเรียกเพื่อให้เข้าใจง่ายๆ ว่า iPad 3 มีกำหนดเปิดตัวในไทยวันที่ 27 เมษายนนี้ โดยเปิดตัวที่ร้าน iStudio และค่ายมือถืออีก 3 ค่าย AIS, Dtac และ True ส่วนใน Online Store นั้นยังไม่เห็นมีวี่แววว่าจะเปิดให้จองล่วงหน้าซึ่งก็มีการคาดการณ์กันว่าคงเปิดให้จองก่อนเปิดตัวจริงประมาณ 1 สัปดาห์

ใครที่รอซื้ออยู่ก็เตรียมกระเป๋าเบาตัวปลิวกันได้เลย อย่าเอาตังค์ไปเที่ยวสงกรานต์กันจนหมดล่ะครับ แต่ถ้าใครยังไม่รีบก็รอก่อนก็ได้เพราะเห็นลูกค้าที่สหรัฐอเมริกาหลายคนบ่นเรื่องมีปัญหากับ Wi-Fi เดี๋ยวซักพักล็อตใหม่ๆ ก็คงมีปัญหาน้อยลง

สำหรับนักพัฒนาแล้วก็คงต้องมีไว้ซักเครื่องแหละครับ เพราะความละเอียดไม่เท่ากับ iPad 2 ถึงแม้ว่าจะมี simulator ให้ทดสอบ ยังไงทดสอบ app ในเครื่องจริงมันก็ได้อารมณ์กว่าแน่นอน

58
วันที่ 1 สิงหาคม 2555 เวลา 13.00-16.00 น. กิจกรรมแห่เทียนพรรษาประจำปีการศึกษา 2555 ณ วัดประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี
59
กำหนดสอบกลางภาคเรียนที่ 1/2555 ระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2555 เวลา 08.30-16.00 น.
60
ข่าวบริษัท Microsoft / แชร์ไฟล์ระหว่าง Windows 7 กับ Windows 7...
« กระทู้ล่าสุด โดย กฤษฎา คงช่วย (ป๋อง) 089-2902383 เมื่อ กรกฎาคม 26, 2012, 09:39:30 pm »
สอนแชร์ไฟล์ Windows 7 กับ Windows 7



สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาเขียนบทความที่เกี่ยวกับการแชร์ไฟล์ของWindows 7 กับ Windows 7 ซึ่งผมว่ามีหลายคนมากๆีที่ไม่สามารถแชร์ไฟล์บน windows7 เข้าไฟล์ที่แชร์ไม่ได้ เนื่องจากติดพวก security ของตัวมันเองบนwindows 7 ที่ทาง Microsoft ได้ออกแบบกันภัยคุกคามเข้ามาในเรื่องคอมพิวเตอร์ของคุณในด้านการแชร์ไฟล์ หลังจากที่ผมเคยเขียนบทความการแชร์ไฟล์ระหว่าง Windows 7กับ Windows xp ไปแล้ว แล้วมีผู้คนสนใจมากมายเลยที่เดียว และวันนี้ผมจะมาเขียนบทความการแชร์ไฟล์ระหว่างWindows 7 กับ Windows 7ให้ได้ดูกัน ผมอยากให้คุณลองทำตามผมในบทความนี้ ผมรับรองว่าหลังจากที่คุณอ่านบทความนี้แล้ว คุณจะสามารถแชร์ไฟล์Windows 7 กับ Windows 7 ได้เลยและยังสามารถเอาความรู้ที่ผมแชร์ให้เอาไปบอกคนอื่นได้อีกด้วยครับ แชร์ให้แบบไม่คิดตังเลยนะนิ และผมเดาว่าคุณก็หาบทความนี้จาก Google แน่ๆ

งั้นเรามาเริ่มสอนการแชร์ไฟล์ระหว่างWindows 7 กับ Windows 7กันเลยดีกว่าครับ

สิ่งที่ผมมีดังนี้ครับ

1. Computer OS windows 7 2ตัว

เครื่องแรก IP : 192.168.1.101

เครื่องสอง IP:192.168.1.102

โดยทั้งสองเป็น OS ที่ผมเพิ่งลงใหม่ๆเลยครับ เพื่อการเขียนบทความนี้โดยเฉพาะเลยครับ และใช้เป็น OS windows 7 แท้ๆ ไม่ได้ผ่านการ Modify windows มาก่อนนะครับ

สิ่งที่ผมจะทำให้ดูนี้คือการเอา computer windows 7 เครื่องแรก ไปดึงไฟล์ computer windows 7 เครื่องที่สองนะครับ

ผมไม่ได้ทำการลง Antivirus ไว้นะครับ

 

ขั้นตอนนี้ผมจะเริ่มต้นให้ดูก่อนนะครับ

1. ผมใช้คำสั่ง ipconfig เพื่อนเป็นการดู ip address นะครับ

วิธีการใช้ก็เปิด cmd ขึ้นมา จากนั้น พิมพ์ ipconfig เพื่อดู IP

ในตัวอย่างผมทำเครื่องที่สองของผม มันก็จะได้ ip ดังกล่าวคือ 192.168.1.102



2. ในข้อนี้ผมอยู่เครื่องแรกนะครับ

ตอนนี้ผมอยู่เครื่องแรก ผมจะ Ping ไปเครื่องที่สองนะครับผมเปิด cmd และใช้คำสั่ง Ping ไปยังเครื่องที่สอง

ลองping ดูปรากฎว่า Ping ไม่ได้ ยังงี้แปลว่ายังติดพวก firewall อยู่ครับ



3. ตอนนี้ผมอยู่เครื่องที่สองแล้วนะครับ ผมจะไปเปิด filewall ในส่วนของ sharefile

Start > control panel



4. เลือก Windows Firewall



5. เลือก Allow a program or feature through windows firewall



6. จากนั้นให้ติ๊กถูกในช่องของ file and Printer sharing ในส่วนทั้ง Home/work , Public > กด OK

ถ้าเลือกไม่ได้ให้กดที่ change setting ก่อนนะครับ



7. หลังจากนั้นกลับมาคอมพิวเตอร์เครื่องแรก และทดสอบการ Ping ไปยังเครื่้องสองอีกครั้ง

ปรากฎว่าสามารถ Ping ได้แล้วครับ เย้ๆๆๆ



8. กลับมาเครื่องที่สองอีกครั้ง

Start > contral panel > Choose homegroup and shareing options



9. จากนั้นเลือก change advance sharing setting



10. ให้เราเลือก Public เพราะดูจาก (Curent profile) อยู่หลังอันไหนก็แปลว่ามันใช้ profile อันนั้นแหละครับ

ในรูปของผมใช้ Public ผมก็มาแก้ Public

โดยให้ปรับตามภาพที่ผม Hilight ไว้เลยนะครับ หลังจากนั้นกด Save นะครับ และกด OK







11. ตอนนี้ผมอยู่เครื่องที่สอง


ให้เราสร้าง folder ที่เราต้องการแชร์ขึ้นมา 1 folder > คลิกขวาที่ folder นั้น Properties




จากนั้นจะเป็นการแชร์ไฟล์ใน folder แล้วนะครับ


(1) กดAdvance sharing

(2) ให้ติ๊กถูก share this folder

(3) กด Permission

(4) จะเห็น Everyone จากนั้นให้ติ๊กเป็น Full ตามภาพเลยครับ

จากนั้นก็กด Ok



12. ยังอยู่ที่เครื่องที่สองนะ

จากนั้นก็กด Share ต่อ



จากนั้นให้ พิมพ์ everyone ลงไปแล้วกด Add



จากนั้นในช่อง user Everyone ให้เลือกเป็น Read/Write และกด share



จากนั้นเราก็สามารถแชร์ folder ได้แล้วครับ แล้วกด Done

จากนั้นเราก็จะได้ folder windows7_2  ที่เปิดแชร์ไว้บนคอมพิวเตอร์เครื่องที่สองแล้วครับ



13. ตอนนี้ผมมาอยู่เครื่องแรกนะ

เปิด start > run > และพิมพ์ \\192.168.1.102\windows7_2

คำสั่ง  >>>  \\ชื่อคอมพิวเตอร์หรือipก็ได้\folder ที่แชร์



14. ตอนนี้ผมมาอยู่เครื่องแรกนะ

จากนั้นก็สามารถเข้าเครื่องที่สองได้เลยครับและก็เห็น folder ที่แชร์ไว้ด้วย



แค่นี้เราก็สามารถแชร์ไฟล์windows7 กับ windows 7 ได้แล้วครับ เป็นไงครับง่ายไหมครับ ถ้าจะแชร์ฺไฟล์เครื่องไหนก็ให้ทำตามด้านบนใ้ห้หมดนะครับ

ใครที่ทำตามผมแล้วไม่ได้อาจจะติดที่ Antivirus นะครับ
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 9